วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559

1. ความหมายและประเภทของสื่อสังคมออนไลน์





ความหมายของสื่อสังคมออนไลน์


          สื่อสังคมออนไลน์ หมายถึง สื่อดิจิทัลที่เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการทางสังคม (Social Tool) เพื่อใช้สื่อสารระหว่างกันในเครือข่ายทางสังคม (Social Network) ผ่านทางเว็บไซต์และโปรแกรมประยุกต์บนสื่อใดๆ ที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยเน้นให้ผู้ใช้ทั้งที่เป็นผู้ส่งสารและผู้รับสารมีส่วนร่วม (Collaborative) อย่างสร้างสรรค์ ในการผลิตเนื้อหาขึ้นเอง (User-GenerateContent: UGC) ในรูปของข้อมูล ภาพ และเสียง

ประเภทของสื่อสังคมออนไลน์
          ประเภทของสื่อสังคมออนไลน์ มีด้วยกันหลายชนิด ขึ้นอยู่กับลักษณะของการนำมาใช้โดยสามารถแบ่งเป็นกลุ่ม หลักดังนี้
          1. Weblogs หรือเรียกสั้นๆ ว่า Blogs คือ สื่อส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ข้อคิดเห็น บันทึกส่วนตัว โดยสามารถแบ่งปันให้บุคคลอื่นๆ โดยผู้รับสารสามารถเข้าไปอ่าน หรือแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ ซึ่งการแสดงเนื้อหาของบล็อกนั้นจะเรียงลำดับจากเนื้อหาใหม่ไปสู่เนื้อหาเก่า ผู้เขียนและผู้อ่านสามารถค้นหาเนื้อหาย้อนหลังเพื่ออ่านและแก้ไขเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา เช่น Exteen, Bloggang, Wordpress,Blogger, Okanation
          2. Social Networking หรือเครือข่ายทางสังคมในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือข่ายทางสังคมที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อระหว่างบุคคล กลุ่มบุคคล เพื่อให้เกิดเป็นกลุ่มสังคม (Social Community)  เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันทั้งด้านธุรกิจ การเมือง การศึกษา เช่น Facebook, Hi5, Ning, Linked in,MySpace, Youmeo, Friendste
          3. Micro Blogging และ Micro Sharing หรือที่เรียกกันว่า บล็อกจิ๋ว ซึ่งเป็นเว็บเซอร์วิสหรือเว็บไซต์ที่ให้บริการแก่บุคคลทั่วไป สำหรับให้ผู้ใช้บริการเขียนข้อความสั้นๆ ประมาณ 140 ตัวอักษร ที่เรียกว่า “Status” หรือ “Notice” เพื่อแสดงสถานะของตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ หรือแจ้งข่าวสารต่างๆ แก่กลุ่มเพื่อนในสังคมออนไลน์ (Online Social Network)  (Wikipedia,2010) ทั้งนี้การกำหนดให้ใช้ข้อมูลในรูปข้อความสั้นๆ ก็เพื่อให้ผู้ใช้ที่เป็นทั้งผู้เขียนและผู้อ่านเข้าใจง่าย ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ Twitter
          4. Online Video เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการวิดีโอออนไลน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเนื้อหาที่นำเสนอในวิดีโอออนไลน์ไม่ถูกจำกัดโดยผังรายการที่แน่นอนและตายตัว ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถติดตามชมได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีโฆษณาคั่น รวมทั้งผู้ใช้สามารถเลือกชมเนื้อหาได้ตามความต้องการและยังสามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บวิดีโออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้จำนวนมากอีกด้วย เช่น  Youtube, MSN, Yahoo
          5. Poto Sharing เป็นเว็บไซต์ที่เน้นให้บริการฝากรูปภาพโดยผู้ใช้บริการสามารถอัพโหลดและดาวน์โหลดรูปภาพเพื่อนำมาใช้งานได้ ที่สำคัญนอกเหนือจากผู้ใช้บริการจะมีโอกาสแบ่งปันรูปภาพแล้ว ยังสามารถใช้เป็นพื้นที่เพื่อเสนอขายภาพที่ตนเองนำเข้าไปฝากได้อีกด้วย เช่น  Flickr, Photobucket, Photoshop,Express,  Zooom
          6. Wikis เป็นเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็นแหล่งข้อมูลหรือความรู้ (Data/Knowledge) ซึ่งผู้เขียนส่วนใหญ่อาจจะเป็นนักวิชาการ นักวิชาชีพหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านต่างๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ซึ่งผู้ใช้สามารถเขียนหรือแก้ไขข้อมูลได้อย่างอิสระ เช่น Wikipedia, Google Earth,diggZy Favorites Online
          7. Virtual Worlds คือการสร้างโลกจินตนาการโดยจำลองส่วนหนึ่งของชีวิตลงไป จัดเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่บรรดาผู้ท่องโลกไซเบอร์ใช้เพื่อสื่อสารระหว่างกันบนอินเทอร์เน็ตในลักษณะโลกเสมือนจริง (Virtual Reality) ซึ่งผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการอาจจะบริษัทหรือองค์การด้านธุรกิจ ด้านการศึกษา รวมถึงองค์การด้านสื่อ เช่น สำนักข่าวรอยเตอร์  สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อพื้นที่เพื่อให้บุคคลในบริษัทหรือองค์กรได้มีช่องทางในการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ไปยังกลุ่มเครือข่ายผู้ใช้สื่อออนไลน์ ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่ม ลูกค้าทั้งหลัก และรองหรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ของบริษัท หรือองค์การก็ได้ ปัจจุบันเว็บไซต์ที่ใช้หลัก Virtual Worlds ที่ประสบผลสำเร็จและมีชื่อเสียง คือ Second life
          8. Crowd Sourcing มาจากการรวมของคำสองคำคือ Crowd และ Outsourcing เป็นหลักการขอความร่วมมือจากบุคคลในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยสามารถจัดทำในรูปของเว็บไซต์ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อค้นหาคำตอบและวิธีการแก้ปัญหาต่างๆทั้งทางธุรกิจ การศึกษา  รวมทั้งการสื่อสาร  โดยอาจจะเป็นการดึงความร่วมมือจากเครือข่ายทางสังคมมาช่วยตรวจสอบข้อมูลเสนอความคิดเห็นหรือให้ข้อเสนอแนะ  กลุ่มคนที่เข้ามาให้ข้อมูลอาจจะเป็นประชาชนทั่วไปหรือผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่อยู่ในภาคธุรกิจหรือแม้แต่ในสังคมนักข่าว ข้อดีของการใช้หลัก  Crowd souring  คือ  ทำให้เกิดความหลากหลายทางความคิดเพื่อนำ  ไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ  ตลอดจนช่วยตรวจสอบหรือคัดกรองข้อมูลซึ่งเป็นปัญหาสาธารณะร่วมกันได้ เช่น Idea storm, Mystarbucks Idea

          9. Podcasting หรือ Podcast มาจากการรวมตัวของสองคำ คือ “Pod” กับ “Broadcasting” ซึ่ง “POD” หรือ PersonalOn - Demand คือ อุปสงค์หรือความต้องการส่วนบุคคล ส่วน“Broadcasting” เป็นการนำสื่อต่างๆ มารวมกันในรูปของภาพและเสียง หรืออาจกล่าวง่ายๆ Podcast คือ การบันทึกภาพและเสียงแล้วนำมาไว้ในเว็บเพจ (Web Page) เพื่อเผยแพร่ให้บุคคลภายนอก (The public in general) ที่สนใจดาวน์โหลดเพื่อนำไปใช้งาน เช่น Dual Geek Podcast, Wiggly Podcast
          10. Discuss / Review/ Opinion เป็นเว็บบอร์ดที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถแสดงความคิดเห็น โดยอาจจะเกี่ยวกับ สินค้าหรือบริการ ประเด็นสาธารณะทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เช่น Epinions, Moutshut, Yahoo!Answer, Pantip,Yelp




2. การใช้อินเทอร์เน็ตในงานธุรกิจ




ความหมายเกี่ยวกับธุรกิจ
                 ธุรกิจ (Business) หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้การผลิตสินค้าและบริการ มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน มีการจำหน่าย มีการกระจายสินค้า และมีประโยชน์ คือ ได้กำไรจากสินค้านั้น
         การดำเนินธุรกิจ หมายถึง การทำกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้เกิดสินค้าหรือบริการ แล้วมีการแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน และมีวัตถุประสงค์ที่จะได้รับประโยชน์จากสินค้านั้นๆ โดยผ่านช่องทางการจำหน่าย ในรูปแบบของร้านค้า ฝากขาย และดำเนินธุรกิจผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
ความสำคัญของการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานธุรกิจด้านต่างๆ
ความสำคัญของการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานธุรกิจด้านต่างๆ มีดังนี้
1.การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานด้านธุรกิจการศึกษา (Education) เช่น
- การเรียนรู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
- การดุผลการเรียน
2.การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานด้านธุรกิจการเงินและการธนาคาร (Finance) เช่น
- การให้บริการกับลูกค้าด้านการเงิน
-การชำระค่าบริการต่างๆ เป็นต้น
3.การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานทางด้านธุรกิจโรงแรม (Hotel) เช่น
- การสั่งจองที่พัก
-การเข้าไปดูรายละเอียดที่พัก
4.การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานด้านธุรกิจสายการบิน (Airway) เช่น
- การตรวจดูตารางการบิน
- การสั่งจองตั๋วเครื่องบิน 
5.การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานด้านธุรกิจการแพทย์ (Medical Profession) เช่น
- การวินิจฉัยโรค
- การเอ็กซเรย์
6.การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานด้านธุรกิจบันเทิง เช่น
- การดูตารางการฉายภาพยนตร์
- การฉายภาพยนตร์ตัวอย่าง
7.การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานด้านธุรกิจการสื่อสาร (Communication) เช่น
- การรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
8.การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานด้านธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ (Stock Exchange) เช่น
- การดูข้อมูลการซื้อ-ขายหุ้น
9.การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานด้านธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ (Printing Media) เช่น
-การดูข้อมูลข่าวสารประจำวัน
ลักษณะของธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)
                ลักษณะของธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) คือธุรกิจที่ดำเนินการซื้อขายบนอินเทอร์เน็ตอย่างเป็นระบบและเป็นการดำเนินธุรกิจที่น่าเชื่อถือมากกว่า
ข้อดี
- สามารถดำเนินการได้ 24 ชั่วโมง
- ลดปัญหาในการเดินทาง

ข้อเสีย
-ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต
-ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้
ประโยชน์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1.ประโยชน์ต่อผู้บริโภค
-ได้รับความสะดวกรวดเร็วในการซื้อสินค้า
-ทำให้สินค้านั้นถูกลง เพราะไม่ต้องผ่านคนกลาง

2.ประโยชน์ต่อผู้ผลิต
- สามารถขยายตลาดใหม่ได้มากขึ้น
-ลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บเอกสาร

3.ประโยชน์ต่อผู้จัดจำหน่าย
- เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการขาย
- สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก
วัตถุประสงค์ของการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานธุรกิจ
สรุปได้ดังนี้
1.เพื่อให้ธุรกิจของตนเองพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าบนอินเทอร์เน็ต
2.เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างเครือข่ายของธุรกิจ
.เพื่อให้ข้อมูลของธุรกิจพร้อมให้ลูกค้าเข้ามาค้นหาได้
4.เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า
5.เพื่อขยายผลและขอบเขตการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น
6.เพื่อขจัดปัญหาด้านเวลาดำเนินการของธุรกิจ
7.เพื่อขายสินค้าหรือบริการ
8.เพื่อนำเสนอข้อมูลของธุรกิจแบบมัลติมีเดีย (Multimedia)
9.เพื่อเข้าสู่ตลาดที่ลูกค้ามีความต้องการบริโภคสินค้าสูง (Highly Desirable Demographic Market)




3. การค้นหาข้อมูล (Search Engine)



การค้นหาข้อมูล (Search Engineหมายถึง  การค้นหาข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเราเปิดไปทีละหน้าจออาจจะต้องเสียเวลาในการค้นหา และอาจหาข้อมูลที่เราต้องการไม่พบ การที่เราจะค้นหาข้อมูลให้พบอย่างรวดเร็วจะต้องใช้เว็บไซต์สำหรับการค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า Search Engine Site ซึ่งจะทำหน้าที่  รวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆ เอาไว้ โดยจัดแยกเป็นหมวดหมู่
Web search engine ที่นิยมใช้กันมากที่สุด 3 อันดับ คือ  1. Google  2. Yahoo  3. MSN/Windows Live
ประเภทของการค้นหาข้อมูล Search Engine
     1.  Search Engine  การค้นหาข้อมูลด้วยคำที่เจาะจง
     Search Engine ประเภทนี้ ช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด  เพียงแค่ระบุคำที่ต้องการค้นหาข้อมูล  เป็นรูปแบบที่นิยมมาก  เว็บไซต์ที่นิยมใช้ในการค้นหาข้อมูลในแบบนี้  เช่น  www.google.co.th
     2. Subject Directories การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่  มีเว็บไซต์ที่เป็นตัวกรองในการรวบรวมข้อมูล  ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต   จัดข้อมูลเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อมูลตามที่ต้องการได้
         การค้นหาข้อมูลวิธีนี้มีข้อดี  คือ  สามารถเลือกจากชื่อไดเรกทอรี่ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการค้นหา  และสามารถเลือกเข้าไปดูว่ามีเว็บไซต์บ้างได้ทันที  เช่น  
www.sanook.com
     3. Meta search Engines การค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งข้อมูล  เป็นการค้นหาข้อมูลจากหลาย ๆ  Search Engine ในเวลาเดียวกัน  เพราะเว็บไซต์ที่เป็น Meta search จะไม่มีฐานข้อมูลของตนเอง  แต่จะค้นหาเว็บเพจที่ต้องการ  โดยวิธีการดึงจากฐานข้อมูลของ Search Site  จากหลายแหล่งมาใช้แล้วจะแสดงผลให้เลือกตามความต้องการ  เช่น  www.thaifind.com
      
 การค้นหาโดยใช้  Search Engine  แบ่งเป็น 2 วิธี
      1.  การระบุคำเพื่อใช้ในการค้นหา  หรือเรียกว่า "คีย์เวิร์ด (Keyword) โดยในเว็บไซต์ต่าง ๆ  ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลจะมีช่องเพื่อให้กรอกคำที่ต้องการค้นหาลงไป  แล้วจะนำคำดังกล่าวไปค้นหาจากข้อมูลที่ได้จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลของระบบ  เว็บไซต์ที่ให้บริการ  เช่น  www.google.co.th  การใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหาข้อมูลต้องพยายามระบุคำให้ชัดเจน
      2.  การค้นหาจากหมวดหมู่  หรือไดเรกทอรี่ (
Directories)  การให้บริการค้นหาข้อมูลด้วยวิธีนี้เปรียบเสมือนเราเปิดเข้าไปในห้องสมุด  ที่จัดหมวดหมู่ของหนังสือไว้แล้ว  ภายในหมวดใหญ่นั้น ๆ ประกอบด้วยหมวดหมู่ย่อย ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น  หรือแบ่งประเภทของข้อมูลให้ชัดเจน  จะสามารถเข้าไปหยิบหนังสือเล่มที่ต้องการได้แล้วก็อ่านเนื้อหา  มีเว็บมากมายที่ให้บริการค้นหาข้อมูลในรูปแบบนี้  เช่น  www.siamguru.com www.sanook.com   www.hunsa.com  www.thaiwebhunter.com
     บทสรุปของการเลือกใช้ Search Engine การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต  เป็นการบริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง  เนื่องจากบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทีแหล่งข้อมูลอยู่มากมาย  และมีความสะดวกในการค้นหามากกว่าการค้นหาข้อมูลจากห้องสมุด  การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจะต้องใช้เว็บไซต์ประเภท Search Engine  เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาข้อมูลข่าวสารได้
     ประเภทของการค้นหาข้อมูลแบ่งเป็น  3  ประเภท  คือ  การค้นหาข้อมูลด้วยคำที่เจาะจง  การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่  และการค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งข้อมูล  ผู้ใช้สามารถเลือกวิธีการค้นหาและใช้เทคนิคในการค้นหาข้อมูลช่วย  เพื่อที่จะได้รับข้อมูลให้ตรงตามความต้องการและทำให้การค้นหาข้อมูลทำได้เร็วขึ้นอีกด้วย
     ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เป็นเว็บไซต์ประเภท 
Search Engine 
และเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลอยู่หลายเว็บไซต์  ทำให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น  และการใช้บริการรูปแบบนี้เสมือนเป็นการเปิดประตูห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลอยู่มากมาย  ทำให้ข้อมูลที่ได้รับไม่เฉพาะเจาะจงอยู่เพียงในขอบเขตใดขอบเขตหนึ่งเท่านั้น  แต่สามารถหาได้จากหลายแหล่งข้อมูลทั่วโลก

4. การรับ - ส่งข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต


ความหมายของเครือข่ายของอินเตอร์เน็ต


คือ ระบบที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเครื่องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อกลาง และสามารถสื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้  นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในเครือข่ายร่วมกันได้ เช่นเครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น การใช้ทรัพยากรเหล่านี้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก  เมื่อมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกล เช่น ระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ก็ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ได้กับคนทั่วโลก โดยใช้แอพพลิเคชั่น เช่น เว็บ อีเมลล์ เป็นต้น


การสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์

         หมายถึง การส่งข้อมูลหรือข่าวสาร จากผู้ส่งต้นทางไปยังผู้รับปลายทางที่อยู่ห่างไกล โดยผ่านช่องทางการสื่อสารเพื่อเป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูล ซึ่งอาจจะเป็นแบบใช้สาย หรือไม่ใช้สายก็ได้ ส่วนข้อมูลหรือข่าวสารนั้นอาจจะเป็นข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหว หรือข้อมูลที่เป็นมัลติมีเดียก็ได้ ดังนั้นการสื่อสารข้อมูลจึงเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารโทรคมนาคม โดยเน้นการส่งผ่านข้อมูล โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเป็นหลัก 

โปรโตคอล

คือ ข้อกำหนดหรือข้อตกลงในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ หรือภาษาสื่อสารที่ใช้เป็น ภาษากลางในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ด้วยกัน การที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกเชื่อมโยงกันไว้ในระบบจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้นั้น จำเป็นจะต้องมีการสื่อสารที่เรียกว่า โปรโตคอล (Protocol) เช่นเดียวกับคนเราที่ต้องมีภาษาพูดเพื่อให้สื่อสารเข้าใจกันได้ 
โปรโตคอลช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์สองระบบ ที่แตกต่างกันสามารถสื่อสารกันอย่างเข้าใจได้  คือข้อตกลงที่กำหนดเกี่ยว กับการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ ทั้งวิธีการส่งและรับข้อมูล วิธีการตรวจสอบข้อผิดพลาดของการส่งและรับข้อมูล การแสดงผลข้อมูลเมื่อส่งและรับกันระหว่างเครื่องสองเครื่อง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโปรโตคอลมีความสำคัญมากในการสื่อสารบนเครือข่าย หากไม่มีโปรโตคอลแล้ว การสื่อสารบนเครือข่ายจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้

ชุดของโพรโทคอล

คือชุดโพรโทคอลสำคัญ ซึ่งเป็นใช้เป็นต้นแบบ ในการใช้งานต่างๆ แบ่งได้เป็น 2 มาตรฐานดังนี้ คือ


  1. มาตรฐานเปิด
    • Internet protocol suite
    • Open Systems Interconnection (OSI)
  2. มาตรฐานปิด
    • AppleTalk
    • DECnet
    • IPX/SPX
    • SMB
    • Systems Network Architecture (SNA)
    • Distributed Systems Architecture (DSA)










โปรโตคอลที่สำคัญ

1. โปรโตคอล HTTP หรือ Hypertext Transfer Protocol จะใช้เมื่อเรียกโปรแกรมบราวเซอร์ (Browser)
2. โปรโตคอล TCP/IP หรือ Transfer Control Protocol/Internet Protocolคือเครือข่ายโปรโตคอลที่สำคัญมากที่สุด เนื่องจากเป็นโปรโตคอลที่ใช้ในระบบเครือข่าย Internet รวมทั้ง Intranet ซึ่งประกอบด้วย 2 โปรโตคอลคือ TCP และ IP
3. โปรโตคอล SMTP หรือ Simple Mail Transfer Protocol คือ โปรโตคอล ที่ใช้ในการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
4.โปรโตคอล POP3 หรือ Post Office Protocol 3 เป็นโพรโทคอลมาตรฐานบนอินเทอร์เน็ต ใช้ในการรับอีเมลจากเซิร์ฟเวอร์ โดยทำงานอยู่บนชุดโพรโทคอล TCP/IP
5.โปรโตคอล FTP หรือ File Transfer Protocol เป็นโพรโทคอลเครือข่ายชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนและจัดการไฟล์บนเครือข่ายทีซีพี/ไอพีเช่นอินเทอร์เน็ต เอฟทีพีถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบระบบรับ-ให้บริการ (client-server) และใช้การเชื่อมต่อสำหรับส่วนข้อมูลและส่วนควบคุมแยกกันระหว่างเครื่องลูกข่ายกับเครื่องแม่ข่าย
6. DHCP หรือ Dynamic Host Configuration Protocol เป็นโพรโทคอลที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำงานแบบแม่ข่าย-ลูกข่าย โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายจะทำการร้องขอข้อมูลที่จำเป็น ในการเข้าร่วมเครือข่ายจากแม่ข่าย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้รวมถึงหมายเลขไอพีที่ใช้ภายในเครือข่าย ซึ่งคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเป็นฝ่ายกำหนดให้กับลูกข่า
7. IMAP Internet Message Access Protocol เป็นโพรโทคอลในอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการรับอีเมลการทำงานของ IMAP จะแตกต่างกับ POP3 เนื่องจาก IMAP เป็นโพรโทคอลแบบ on-line ขณะที่ POP3 เป็นโพรโทคอลแบบ off-line โดย IMAP และ POP3 เป็นสองโพรโทคอลรับอีเมลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน


การรับ-ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

               การโอนถ่าย (Transmission) ข้อมูลหรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ส่งต้นทางกับผู้รับปลายทาง ทั้งข้อมูลประเภท ข้อความ รูปภาพ เสียง หรือข้อมูลสื่อผสมโดยผู้ส่งต้นทางส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีหน้าที่แปลงข้อมูลเหล่านั้นให้อยู่ในรูปสัญญาณทางไฟฟ้า (Electronic data) จากนั้นถึงส่งไปยังอุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์ปลายทาง
           1.     ผู้ส่ง  เป็นสิ่งที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลข่าวสารออกไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ  ซึ่งอาจเป็น
บุคคลหรืออุปกรณ์  เช่น  เครื่องคอมพิวเตอร์  โทรศัพท์  เป็นต้น
          2.  ข้อมูลข่าวสาร  เป็นสิ่งที่ผู้ส่งต้องการส่งไปให้ผู้รับที่อยู่ปลายทางซึ่งอาจเป็นเสียง  ข้อความหรือภาพ  เพื่อสื่อสารให้เกิดความเข้าใจตรงกัน
          3.  สื่อกลาง  หรือช่องทางการสื่อสาร  เป็นสิ่งที่ช่วยให้ข้อมูลข่าวสารเดินทางจากผู้ส่งไปยังผู้รับได้โดยสะดวก  ซึ่งมีหลายรูปแบบ  ดังนี้
                   *  สายสัญญาณชนิดต่างๆ  เช่น  สายโทรศัพท์  สายเคเบิล  เส้นใยแก้วนำแสง  เป็นต้น
                   *  คลื่นสัญญาณชนิดต่างๆ  เช่น  คลื่นวิทยุ  คลื่นไมโครเวฟ  คลื่นแสง  คลื่นอินฟราเรด
                   *  อุปกรณ์เสริมชนิดต่างๆ  เช่น  เสาอากาศวิทยุ  เสาอากาศโทรศัพท์  ดาวเทียม  โมเด็ม
          4.  ผู้รับ  เป็นสิ่งที่ทำหน้าที่รับข้อมูลข่าวสารจากผู้ส่ง  ซึ่งส่งผ่านสื่อกลางชนิดต่างๆ  เช่น  เครื่องคอมพิวเตอร์  โทรศัพท์  โทรทัศน์  วิทยุ  เป็นต้น
การที่จะส่งข้อมูลข่าวสารจากผู้ส่งไปยังผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น  จะขาดส่วนประกอบใดส่วนประกอบหนึ่งที่กล่าวมาแล้วไม่ได้  และต้องรู้จักเลือกใช้อุปกรณ์และวิธีการให้เหมาะสมกับลักษณะงาน 


5. บริการที่มีอยู่ในสังคมออนไลน์


บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (www)
    เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) หรือเครือข่ายใยแมงมุม เหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะเป็นลักษณะของการเชื่องโยงข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ เวิลด์ไวด์เว็บ เป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการเรียกดูเว็บไซด์ต้องอาศัยโปรแกรมเว็บบราว์เซอร์ (Web Browser) ในการดูข้อมูล เว็บบราว์เซอร์ที่ไดรับความนิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น Google Chom,friefox,Internet Explorer,safari



บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail)
    การติดต่อสื่อสารโดยใช้อีเมลสามารถทำได้สะดวกเเละประหยัดเวลา หลักการทำงานของอีเมลคล้ายกับการส่งจดหมายธรรมดา คือ จะต้องมีที่อยู่ที่ระบุชัดจน ที่เรียกว่า อีเมลแอดเดรส (email address) เช่น siwat.ssw01@gmail.com
        การใช้งานอีเมล เเบ่งได้ดังนี้ คือ
  1. corporate email คือ อีเมลหน่วยงานต่างๆสร้างให้กับพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรนั้น
  2. Free email คือ อีเมลที่สมัครได้ฟรีตาม Web mail ต่างๆ เช่น Hotmail, yahoo,mail,Gmail
บริการโอนย้านไฟล์ (File Transfer Protocol)
    บริการโอนย้ายไฟล์  เป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับการโอนย้ายไฟล์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การโอนย้ายไฟล์เเบ่งได้ดังนี้
    1. การดาวโหลดไฟล์ (Download file) การดาวน์โหลดไฟล์ คือ การรับข้อมูลเข้ามายัง เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ในปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่จัดให้มีการดาวน์โหลดโปรแกรมได้ฟรี เช่น www.download.com,www.thaiware.com 

2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload file) การอัพโหลดไฟล์ คือ การนำไฟล์ข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้ไปเก็บไว้ในเครื่องที่ให้บริการ (Server) ผ่านระบบอินเทอร็เน็ต เช่น กรณีที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ จะมีการอัพโหลดไฟล์ไปเก็บไว้ในเครื่องบริการเว็บไซต์ (Web server) ที่ขอให้บริการพื้นที่ (Web server) โปรแกรมที่ใช้ช่วยในการอัพโหลดไฟล์ เช่น Filezilla Client

บริการรับฝากไฟล์เเละข้อมูล
    บริการรับฝากไฟล์เเละข้อมูล เป็นบริการที่ให้ผู้ใช้บริการสามารถแบ่งปันไฟล์และข้อมูลให้ผู้อื่นได้  โดยผู้ฝากไฟล์และข้อมูลจะต้อทำการลงทะเบียนการใช้บริการจากเว็บไซต์ ผู้ให้บริการ เช่น www.skydrive.live.com,www.4share.com,www.youtube.com




บริการสนทนาบนอินเทอร์เน็ต
    การสนทนาบนอินเทอร์เน็ต คือ การส่งข้อความถึงกันโดยทันทีทันใด นอกจากนนี้  ยังสามารถส่งสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น รูปภาพ ไฟล์ข้อมูลได้ด้วย การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตเป็นโปรแกรมที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โปรแกรมประเภทนี้ เช่น โปรแกรม MSN Messenger,Yahoo Messenger,Skype,Line เป็นต้น





บริการค้นหาข้อมูลอินเทอร์เน็ต
    1. Web Directory คือ การค้นหาโดยการเลือก Directory ที่จัดเตรียมเเละเเยกหมวดหมู่ไว้ให้เรียบร้อยเเล้ว Website ที่ให้บริการ Web directory เช่น www.sanook.com
    2. Search Engine คือ การค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Search โดยการเอาคำที่เราต้องการค้นหาไปเทียบกับเว็บไซต์ต่างๆ ว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างที่มีคำที่เราต้องการค้นหา Website ที่ให้บริการ Search Engin เช่น www.google.com,www.yahoo.com
    3. Meta Search คือ การค้นหาข้อมูลเเบบ Search Engine แต่จะทำการส่งคำที่ต้องการไปค้นหาในเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลอื่นๆ หากข้อมูลที่ได้มีซ้ำกัน ก็จะเเสดงเพียงรายการเดียวหรือหน้าเดียว เว็บไซต์ที่ให้บริการ Meta Search เช่น www.search.com,www.thaifind.com

บริการกระดานข่าวหรือเว็บบอร์ด (Web board)
    เว็บบอร์ด เป็นศูนย์กลางในการแสดงความคิดเห็น มีการตั้งกระทู้ ถาม-ตอบ ในหัวข้อที่สนใจ เว็บบอร์ดของไทยที่เป็นที่นิยมและมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันมากมาย เช่น www.pantip.com 


บริการห้องสนทนา (Chat  Room)
    ห้องสนทนา คือ  การสนทนาออนไลน์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีการส่งข้อความสั้นๆ ถึงกัน การเข้าไปสนทนาจำเป็นต้องเข้าไปในเว็บไวต์ที่ให้บริการห้องสนทนา เช่น www.siamnarak.com


บริการอีคอมเมิร์ซ (Electronic Commerce : E-Commerce)
    อีคอมเมิร์ช หรือการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นบริการในการทำธุรการทำธุรกรรมซื้อขายหรือเเลกเปลี่ยนสินค้าเเละบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์เป็นสื่อในการนำเสนอและเป็นช่องทางให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าเเละบริการ เช่น www.amazon.com,www.ebay.com




เว็บไซต์ของไทยที่ทำการเปิดร้านค้าฟรีออนไลน์ ที่กำลังเป็นที่นิยมมาก คือ เซ็บไซต์เทพช็อปด็อทคอม www.lnwshop.com


บริการวิทยุและโทรทัศน์ออนไลน์
    บริการวิทยุและโทรทัศน์ออนไลน์ เป็นบริการที่ให้ผู้ใช้สามารถฟังวิทยุและรายการโทรทัศน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต  โดยที่ผู้ใช้สามารถเลืกใช้บริการได้เเบบเรียลไทม์ (Realtime) เเละเเเบบดูย้อนหลังได้ เช่น www.siamha.com,www.ch7.com













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น